สังเวยแล้ว 800 ศพ! ปากีฯร้อนระอุทะลุ 45 องศา

โพสโดย : admin | วันที่ : 25 June 2015
หมวดหมู่ : คลิปนี้พลาดไม่ได้, เรื่องน่าอ่าน

สังเวยแล้ว 800 ศพ! ปากีฯร้อนระอุทะลุ 45 องศา

Pakistan 1

ประเทศปากีสถานได้ประกาศภาวะฉุกเฉินทางการแพทย์ หลังพบจำนวนผู้เสียชีวิตจากคลื่นความร้อน ในช่วง 4 วันที่ผ่านมา เพิ่มจำนวนขึ้นเป็น 722 ศพ

ด้านรัฐบาลท้องถิ่นประจำจังหวัดซินด์ ประเทศปากีสถาน ได้ประกาศภาวะฉุกเฉิน สั่งให้โรงพยาบาลทุกแห่งห้ามบุคลากรทางการแพทย์หยุดงานในช่วงนี้ พร้อมเพิ่มกำลังการสั่งยา และเวชภัณฑ์ เพื่อเตรียมรับมือกับผู้ป่วยโรคลมแดด จำนวนนับพันราย

ในขณะที่กองทัพปากีสถานได้ช่วยตั้งศูนย์การแพทย์ชั่วคราว 22 แห่งทั่วประเทศ เพื่อช่วยเหลือ และบำบัดโรคอีกแรงนึงด้วย

นายกรัฐมนตรีนาวาซ ชารีฟ ได้สั่งหน่วยงานจัดการภัยพิบัติแห่งชาติ พร้อมใช้มาตราการฉุกเฉินในทันที และประกาศว่า “จะไม่มีการตัดไฟฟ้าอีก” ภายหลังจากกระทรวงสาธารณสุขจังหวัดซินด์ ได้รายงานจำนวนผู้เสียชีวิจจากโรคลมแดดจำนวน 612 คน ในโรงพยาบาลรัฐ ในขณะที่โรงพยาบาลเอกชนมีจำนวนผู้เสียชีวิตเพิ่มเติมอีก 80 คน ซึ่งส่วนใหญ่เป็นผู้สูงอายุ และครอบครัวที่มีฐานะยากจน

Pakistan 2

ทางด้านเมืองการาจี อุณหูมิของเมื่อวานนี้ (24 มิถุนายน 2558) อยู่ที่ 44.5 องศาเซลเซียส ซึ่งถือว่าอากาศร้อนจัดมากในฤดูร้อนเช่นนี้ แม้จะไม่ใช่เรื่องแปลกสำหรับประเทศปากีสถาน แต่การตัดไฟฟ้าเป็นเวลานาน ครั้งละหลายชั่วโมงของรัฐบาล ก็เสมือนเป็นการซ้ำเติมสถานการณ์ให้ยิ่งเลวร้ายลงกว่าเดิม แน่นอนว่ามีการประท้วงชุมนุมรัฐบาล และบริษัทไฟฟ้าเค – อิเล็กทริก เกิดขึ้นหลายครั้ง โดยผู้ประท้วงได้โทษว่า การตัดไฟครั้งนี้ คือ ต้นเหตุที่ทำให้มีผู้เสียชีวิตเป็นจำนวนมาก

Pakistan 3

ด้านแพทย์ และพยาบาลของปากีสถาน ได้ออกมาแนะนำให้ประชาชนดื่มน้ำบ่อยๆ ล้างหน้าวันละหลายๆ ครั้ง รวมทั้งให้ใช้พัดมือ แทนการใช้พัดลมหากไม่มีไฟฟ้าใช้ ในขณะเดียวกันก็ควรหลีกเลี่ยงการอยู่ในที่แจ้ง หรือแดดร้อนจัดด้วย

สถานีโทรทัศน์บีบีซี (BBC) รายงานว่า ผู้เสียชีวิตจากสภาพอากาศร้อนจัดในประเทศปากีสถานนั้น ส่วนใหญ่เป็นคนชรา คนที่มีฐานะยากจน และคนที่อาศัยอยู่ในนครการาจี ซึ่งเป็นเมืองที่ใหญ่ที่สุดในประเทศปากีสถาน โดยอิทธิพลของคลื่นความร้อน ได้ส่งผลให้อากาศในนครกาจารีร้อนจัด มีอุณหภูมิสูงถึง 45 องศาเซลเซียสเลยทีเดียว

ชมวิดีโอของสถานการณ์ในเมืองการาจีได้ ที่นี่ค่ะ

ขอขอบคุณ ข้อมูล และเครดิตภาพจาก BBC

แสดงความคิดเห็น