“ไอ่ติ๊งต่าง” ฆาตกรต่อเนื่อง “ฆ่าเด็ก 5 ศพ” และ “ข่มขืนมานับไม่ถ้วน” !!!

โพสโดย : admin | วันที่ : 5 September 2015
หมวดหมู่ : ย้อนรอยคดีสะเทือนขวัญ, เรื่องน่าอ่าน

“ไอ่ติ๊งต่าง” ฆาตกรต่อเนื่อง “ฆ่าเด็ก 5 ศพ” และ “ข่มขืนมานับไม่ถ้วน” !!!

0

หลายคนที่ติดตามซีรี่ส์ฆาตกรต่อเนื่อง คงเคยนึกสงสัยในใจบ้างว่า แล้วประเทศไทยล่ะเคยมีฆาตกรต่อเนื่องบ้างหรือเปล่า หรือมีแต่ตามจับไม่ได้ไล่ไม่ทัน

หนุ่ย คือบทพิสูจน์ของฆาตกรต่อเนื่องในไทย ที่มีอยู่จริง และโหดร้ายไม่แพ้ต่างประเทศเลยทีเดียว ฆาตกรใจโหดร้ายนี้ เป็นเด็กกำพร้าไม่มีพ่อแม่หรือญาติพี่น้อง ที่ผ่านมาตั้งแต่ยังแบเบาะเขาก็มีพ่อและแม่บุญธรรมซึ่งเป็นชาว ต.เปือยใหญ่ อ.โนนศิลา จ.ขอนแก่น โดยทั้งคู่รับมาอุปการะ กระทั่งโตขึ้นมาพ่อและแม่บุญธรรมก็เสียชีวิต จากนั้นนายหนุ่ยก็ใช้ชีวิตเพียงลำพัง จนตกเป็นผู้ต้องหาถูกส่งเข้าสถานสงเคราะห์และเรือนจำอยู่บ่อย จนถึงขณะนี้เจ้าตัวก็ยังไม่มีแม้แต่บัตรประชาชนและเลขที่บัตรประชาชน มีเพียงเอกสารบางชิ้น เช่น ประกาศนียบัตรอบรมวิชาลูกเสือเนตรนารี หรือ หนังสือรับตัวผู้ต้องขังจากเรือนจำ อ.พล จ.ขอนแก่นเท่านั้น ที่ระบุชื่อ นายหนุ่ย หรือ ติ๊งต่าง แต่ไม่ระบุนามสกุล เช่นเดียวกัน

“เวลาเมาผมจะเกิดอารมณ์ทางเพศ ควบคุมตัวเองไม่ได้ พอพบน้องการ์ตูน ซึ่งอยู่คนเดียวที่ลานจอดรถ จึงออกอุบายพาไปเดินเล่น ก่อนฉุดเข้าพงหญ้าข้างทางบริเวณปากซอยลาซาล และข่มขืนกระทำชำเรา แต่น้องการ์ตูนขัดขืน จึงใช้มือบีบคอจนแน่นิ่งไป ซึ่งเหตุลักษณะนี้ผมเคยทำมาแล้วไม่ต่ำกว่า 10 ครั้ง เริ่มตั้งแต่ปี 2551 หลังพ้นโทษในคดีพรากผู้เยาว์ จากเรือนจำจังหวัดขอนแก่น”

“ผมจะเลือกเหยื่ออายุประมาณ 12-13 ปี ที่เดินตามลำพัง ทำมาเยอะ แต่ที่ฆ่าคือ 4 ราย รวมทั้งน้องการ์ตูน ส่วนที่เหลือหลังข่มขืนเสร็จ ก็ปล่อยเด็กกลับบ้านไป เวลาเมาผมจะควบคุมตัวเองไม่ได้ วันเกิดเหตุเห็นน้องการ์ตูนจึงแกล้งถามไปว่า แม่หนูไปไหน น้องบอกว่าแม่ไปดูหมอลำ ผมเลยหลอกว่าจะพาไปซื้อขนม แล้วพาไปข่มขืนแล้วฆ่าจนตาย สำหรับตัวผมเองนั้น ไม่มีบัตรประชาชน นามสกุลก็ไม่มี และไม่มีพ่อแม่ เป็นเด็กกำพร้า ผมเสียใจในสิ่งที่ทำลงไป” ไอ้หนุ่ยกล่าวทิ้งท้าย

  รายที่ 1 วันที่ 5 ก.พ.56 ที่งานกาชาดประจำปีดอกฝ้ายเมืองเลย จ.เลย เหยื่อเป็น ด.ญ. 4 ขวบ คือได้ข่มขืน “น้องหญิง” วัย 4 ขวบ ที่หายในงานดอกฝ้ายบาน

3

เมื่อวันที่ 18 ธันวาคม 2556 ได้รับแจ้งจากเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดสายสืบว่า พบโครงกระดูกอยู่ที่บริเวณที่ดินป่ารก ด้านหลังสำนักงานประปาส่วนภูมิภาคจังหวัดเลย ถนนมะลิวัลย์ ตำบลกุดป่องอำเภอเมืองเลย หลังรับแจ้งรีบรุดไปที่เกิดเหตุพร้อมเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้อง เมื่อไปถึงก็พบโครงกระดูกอยู่ในสภาพสมบูรณ์ ที่บริเวณกะโหลกมีเทปกาวสีดำพันอยู่ ใกล้กันพบร้องเท้าเด็ก สีชมพู เจ้าหน้าที่จึงเก็บไว้เป็นหลักฐาน

ในเวลาต่อมา นางอุษาณ์ คงโสภาดี อายุ 31 ปี กับ นายซู่เหลียง แซ่เอี้ยว อายุ 57 ปี แม่และตาของน้องหญิง ได้เดินทางมาดูที่เกิดเหตุ พร้อมกับปล่อยโฮออกมา โดยยืนยันกับเจ้าหน้าที่ตำรวจว่า เป็นศพของ ด.ญ.มนัสนันท์ คงโสภาดี หรือน้องหญิง อายุ 4 ขวบ ที่หายตัวไปตั้งแต่วันที่ 5 กุมภาพันธ์ 2556 ในงานกาชาดดอกฝ้ายบานมะขามหวานเมืองเลย ประจำปี 2556 ที่สนามหน้าศาลากลางจังหวัดเลย เนื่องจากจำรองเท้าสีชมพูที่ซื้อให้น้องหญิงใส่ก่อนจะหายตัวไปได้

4 5

จากนั้นนางอุษาณ์ได้กล่าวทั้งน้ำตาว่า ตนเชื่อว่าเป็นศพของน้องหญิง แต่อยากรอผลจากการตรวจดีเอ็นเอว่าใช่หรือไม่ใช่ ตราบใดที่ผลตรวจดีเอ็นเอไม่ออก ก็ยังไม่อยากปักใจเชื่อ แต่ตอนนี้อยากเห็นหน้าคนร้าย อยากจะฆ่า ถึงติดคุกก็ยอม

โรงพยาบาลตำรวจได้แจ้งผลพิสูจน์ดีเอ็นเอ ของกระดูกน้องหญิงมีผลตรงกับดีเอ็นเอของแม่เกือบ 100% ทางตำรวจจึงให้เอากระดูกมาทำบุญที่วัดป่าวิเวกธรรมาคุณ หรือวัดนาฮุง บ้านนาซำ พร้อมทำพิธีสวดส่งวิญญาณโดยทำแบบคนจีน โดยทำพิธีกงเต๊กแบบง่ายๆ ตามความเชื่อ

   รายที่สอง 10 พ.ย.56 ที่งานกฐินวัดศรีอุดมวงศ์ อ.วังสะพุง จ.เลย เหยื่อคือ “น้องแม็กซ์” ด.ช.อายุ 7 ปี

6

เมื่อวันที่ 21 ธ.ค. พล.ต.ต.ศักดา วงศ์ศิริยานนท์ ผบก.จว.เลย พร้อม พ.ต.อ.สมชาย สีคำแดง ผกก.สภ.วังสะพุง พ.ต.ท.รังศิษย์ พิณฑุวรรณ หัวหน้าพนักงานสอบสวนชำนาญการ นำกำลังตำรวจฝ่ายสอบสวน บก.ภ.จว.เลย สภ.เมืองเลย สภ.วังสะพุง เจ้าหน้าที่มูลนิธิสว่างคีรีธรรม และนักศึกษาวิชาทหาร ร.ร.ศรีสงครามวิทยา รวมกว่า 100 คน ปูพรมตรวจค้นบริเวณภูผาสิงห์ทางเข้าโรงโม่หินใจแอนด์ล็อค ซึ่งอยู่ห่างจากวัดศรีอุดมวงศ์ ที่นายหนุ่ยลักพาตัวด.ช.แม็กไปประมาณ 13 ก.ม. ตามที่ผู้ต้องหาให้ปากคำพนักงานสอบสวน

เมื่อมาถึงบริเวณภูเขาที่นายหนุ่ยระบุ จึงกระจายกำลังขึ้นไปบนยอดเขาประมาณ 50 เมตร จึงพบกะโหลกศีรษะของเด็ก ซึ่งสันนิษฐานว่าเป็นกะโหลกของน้องแม็ก ในที่เกิดเหตุยังพบผ้าห่มสีแดงลายดำ กระสอบปุ๋ยซึ่งเริ่มเปื่อยแล้ว ภายในมีเสื้อยืดสีแดงที่น้องแม็กใส่ไปงานกฐินกับแม่ และรองเท้าแตะสีเขียว โดยรอบรัศมี 10 เมตร จุดที่พบกะโหลกศีรษะดังกล่าว พบกระดูกชิ้นส่วนกระจายอยู่ทั่ว เจ้าหน้าที่สันนิษฐานว่า กระดูกที่กระจายเนื่อง จากจุดที่พบศพเป็นเนินลาดเล็กน้อย ช่วงที่เด็กหายก็มีฝนตกลงมาด้วย ชิ้นส่วนต่างๆ จึงถูกน้ำพัดกระจาย เจ้าหน้าที่จึงรวบรวมไว้ด้วยกัน ก่อนให้แพทย์ ร.พ.วังสะพุง ชันสูตรอย่างละเอียดอีกครั้ง

7

ด้านพ่อและแม่ของน้องแม็กเมื่อเห็นกะโหลกศีรษะและเสื้อผ้าทั้งหมด ต่างก็ร้องไห้ออกมาด้วยความเสียใจ พร้อมยืนยันว่าเป็นศพของลูกชาย เนื่องจากจำเสื้อผ้าและรองเท้าได้ ด้านสถาบันนิติเวชได้ตรวจดีเอ็นเอเปรียบเทียบพันธุ์กรรมระหว่างกระดูก และเยือบุกระพุ้งแก้มของนางกัลยาณี ผู้เป็นแม่ และกระพุ้งแก้มของนายธนาวุธ มีผลของดีเอ็นเอตรงกับกระดูกของน้องแม็กซ์ ก่อนรอรับกระดูกลูกชายทั้งหมดหลังแพทย์ชันสูตรแล้ว กลับไปประกอบพิธีทางศาสนา

ผู้ต้องหาให้การว่า นายหนุ่ยให้การว่าในวันเกิดเหตุไปเที่ยวงานกฐินที่วัดศรีอุดมวงศ์ กระทั่งพบเหยื่อและพูดคุยถูกคอกัน จึงกลับไปที่พักแล้วขี่จักรยานสองล้อกลับไปหาเหยื่ออีกครั้ง โดยหลอกว่าจะพาไปเที่ยว จากนั้นขี่จักรยานไปตามถนนสายวังสะพุง-อุดรธานี ก่อนไปจอดรถนั่งคุยกับเหยื่อบริเวณจุดที่พบศพ ก่อนลงมือกระทำชำเราและบีบคอเหยื่อจนสิ้นใจก่อนหลบหนีไป

รายที่สาม 5 ธ.ค.56 งานมหกรรมคอนเสิร์ตหมอลำ บริเวณตลาดสุขสวัสดิ์ ใกล้สามแยกบางบอน กทม. บางรายงานบอกว่า ที่แขวงทุ่งสีกัน ย่านดอนเมือง

8

เมื่อวันที่ 5 ธ.ค. 56 เหตุเกิดที่ ตลาดสุขสวัสดิ์ สามแยกบางบอน พา ด.ญ.ออกจากงานแล้วพาเข้าป่าไปลงมือทำอนาจาร ไม่ได้ถอดเสื้อ ถอดแต่กางเกง ไม่ได้บีบคอ ทำอนาจารไม่นานพอเสร็จแล้ว นุ่งกางเกงให้เด็ก แล้วบอกให้มาหาแม่ที่ทำงานแล้วจูงมือเด็กออกมา เป็นเด็กอายุ 13 ปี และอีกครั้งวันที่ 6 ธ.ค.56 ปากซอยลาซาล สุขุมวิท 105 บางนา กรณี “น้องการ์ตูน” ข่มขืนฆ่ากระทั่งถูกจับได้

รายที่สี่ เมื่อวันที่ 6 ธ.ค. บริเวณป่าหญ้า ที่รกร้างข้างสถานีรถไฟฟ้าบีทีเอส แบริ่ง ผู้ตายคือ “น้องการ์ตูน”

ไอ้หนุ่ย ลงมือข่มขืนฆ่า “น้องการ์ตูน” ด.ญ.วัย 6 ขวบ ทิ้งศพหมกที่รกร้างข้างสถานีรถไฟฟ้าบีทีเอส แบริ่ง เหตุเกิดเมื่อต้นเดือนที่ผ่านมานี้ ก่อนจะหนีไปจนมุมตำรวจ สภ.ท่าบ่อ จ.หนองคาย ถูกจับกุมดำเนินคดี

วันที่ 6 ธ.ค. วันนั้น “น้องการ์ตูน” พลัดหลงจากพ่อแม่ขณะที่พ่อแม่พามาดูคอนเสิร์ตวงดนตรี ลูกทุ่งไหมไทย หัวใจศิลป์ ใกล้ซอยแบริ่ง ย่านบางนา ทุกคนพยายามตามหา แต่ก็ไม่พบ สุดท้ายจึงต้องเข้าแจ้งความไว้ที่ สน.บางนา ข่าวการหายตัวไปของน้องการ์ตูน กลายเป็นเรื่องใหญ่ขึ้นมาทันที เมื่อพลเมืองดีในโลกโซเชียล แชร์ภาพถ่ายชายหัวเถิกเดินจูงมือน้องการ์ตูนผ่านกล้องวงจรปิดตามจุดต่างๆ ที่ติดตั้งไว้ที่สถานีรถไฟฟ้าแบริ่ง และทางเดินเท้า โดยกล้องสามารถบันทึกภาพเอาไว้ได้อย่างชัดเจน และเป็นหลักฐานชั้นเยี่ยมในการออกติดตามน้องการ์ตูน

ในเบื้องแรกมีข่าวหลายกระแสสะพัดในโลกไซเบอร์ ไม่ว่าจะมีคนเห็นชายพาเด็กหญิงเดินขอเงินตามร้านอาหาร และพาเด็กหญิงที่มีรูปพรรณสัณฐานคล้ายการ์ตูน พาไปนั่งขอทาน แต่สุดท้ายเมื่อตำรวจตรวจสอบ ก็ไม่พบว่าใช่น้องการ์ตูนแต่อย่างใด กระทั่งเวลาผ่านเลยไปเกือบสัปดาห์ มีพลเมืองดีแจ้งตำรวจว่า พบหัวกะโหลกมนุษย์ที่บริเวณพงหญ้าข้างซอยสุขุมวิท 105 (ซอยลาซาล) ถ.สุขุมวิท แขวงและเขตบางนา ซึ่งอยู่ไม่ห่างจากสถานีรถไฟฟ้าบีทีเอส แบริ่ง จุดที่หายตัวไป

ตำรวจจึงนำกำลังไปตรวจสอบ ที่นั่นพบกะโหลกศีรษะมนุษย์ ที่กลบด้วยดินบางส่วน ซึ่งแพทย์ที่เดินทางมาตรวจสอบ ยืนยันทันทีว่าเป็นของเด็กที่เสียชีวิตมาเกือบ 1 สัปดาห์ อันเป็นช่วงเวลาเดียวกับที่น้องการ์ตูนหายตัวพอดี นอกจากหัวกะโหลกแล้ว ยังพบกางเกงสีม่วงลายดอก ยี่ห้อเจเจ ภายในกระเป๋าพบขนมช็อกโกแลตรูปเต่า ซึ่งเป็นของน้องการ์ตูนอีกด้วย  จึงนำส่งกองพิสูจน์หลักฐานตรวจสอบตามขั้นตอน

9

การตามหาน้องการ์ตูนยังคงดำเนินต่อไป ตำรวจเชิญตัวพ่อแม่น้องการ์ตูน มาเก็บหลักฐานดีเอ็นเอ เพื่อนำไปเปรียบเทียบกับโครงกระดูกที่พบ ว่าจะใช่น้องการ์ตูนหรือไม่ ซึ่งต้องใช้เวลานานนับสัปดาห์กว่าจะรู้ผล แต่แล้วทุกอย่างก็เฉลยออกมาจนได้

เมื่อบ่ายวันที่ 15 ธ.ค. ตำรวจ สน.บางนา สามารถจับกุมไอ้หนุ่ย บุคคลในภาพวงจรปิดเอาไว้ได้ หลังจากหมอนี่ซึ่งทำงานเป็นเด็กยกของวงดนตรีลูกทุ่งไหมไทย ที่ไปเปิดแสดงอยู่ใน อ.ท่าบ่อ โดยพลเมืองดีเห็นรูปพรรณสัณฐาน พบว่าตรงกันกับรูปที่เผยแพร่ทางอินเทอร์เน็ต เสื้อผ้าที่สวมใส่ก็ใช่ อีกทั้งยังมีเสื้อผ้าของเด็กผู้หญิงในกระเป๋าอีกด้วย จึงแจ้งผู้กำกับฯ สมชาย จับกุมตัวไว้ ในเบื้องแรกไอ้หนุ่ยให้การภาคเสธ รับเพียงแค่เป็นคนร้ายที่พาน้องการ์ตูนไป แต่ไม่ได้ลงมือฆ่า แต่พอถูกตำรวจบี้สอบมากๆ จึงยอมเปิดปากสารภาพว่าบีบคอน้องการ์ตูนจนตายคามือ ก่อนลงมือข่มขืนจนสำเร็จความใคร่

วันรุ่งขึ้น พล.ต.ท.คำรณวิทย์ ธูปกระจ่าง ผบช.น. พล.ต.ต.ฐิติราช หนองหารพิทักษ์ พล.ต.ต.อิทธิพล พิริยะภิญโญ รอง ผบช.น. นำตัวคนร้ายมาแถลงข่าว ซึ่ง “ไอ้หนุ่ย” ให้การยอมรับว่าก่อเหตุจริง โดยเมื่อวันที่ 6 ธันวาคม ที่ผ่านมา ตนทำงานเป็นเด็กยกของกับวงดนตรีลูกทุ่งไหมไทย ไปเปิดแสดงแถวๆ ซอยแบริ่ง ที่พ่อแม่เด็กไปดูคอนเสิร์ต หลังเสร็จงานตนเดินออกมาหาซื้อเบียร์ดื่ม เพราะติดลมก่อนหน้านี้ ระหว่างเดินออกมา บังเอิญเห็นน้องการ์ตูนเดินอยู่เพียงลำพัง จึงทำทีชักชวนไปซื้อขนมที่ร้านสะดวกซื้อ แล้วจึงลงมือก่อเหตุ

รายที่ห้า วันที่ 9 ธ.ค. ก่อเหตุฆ่าข่มขืนที่ อ.กบินทร์บุรี จ.ปราจีนบุรี  1 ราย

วันที่ 9 ธ.ค. 56 บ้านโคกอุดม อ.กบินทร์บุรี จ.ปราจีนบุรี พอตั้งเวทีเสร็จ นายหนุ่ยซื้อเบียร์มาดื่ม แล้วเดินออกจากงานมาเห็นเด็ก ถามว่าทำไมไม่เข้าไปในงาน เด็กบอกว่ารอแม่อยู่ข้างนอก ด.ญ.ไม่สูง เจอหน้างานแล้วเข้าไปคุยด้วย พาเข้าไปที่เปลี่ยว แล้วลงมือบีบคอเด็กจนแน่นิ่งไป แล้วถอดกางเกง หลังเสร็จกิจเดินกลับเข้ามาในงานเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น จุดนี้นายหนุ่ยยืนยันกับตำรวจว่า ออกจากงานไปไม่ไกล อยู่ใกล้ทุ่งนา มีกอไผ่น้อยๆ พาเข้าไปในกระท่อมน้อยกลางป่า ขณะนั้นเด็กพูดว่า “เดี๋ยวแม่จะถามหา” ส่วนเหตุผลที่บีบคอ เพราะกลัวเด็กร้องให้คนมาช่วย แต่คนไหนที่ร้องจะบีบแรง ถ้าคนไหนไม่ร้อง จะบีบค่อยๆ ทุกรายจะใส่ถุงยางอนามัยทุกครั้ง รายนี้นายหนุ่ยเห็นว่าไม่หายใจแล้ว จึงเดินกลับออกมา

ไอ่ติ๊งต่าง ฆาตกรต่อเนื่อง หวังว่าคงจะไม่ได้รับการอภัยโทษ แล้วออกมาก่อกรรมทำเข็ญกับเด็กๆ ทั่วประเทศอีก เพราะถ้าเป็นอย่างนั้นจริง ไอ่ติ๊งต่างคนนี้ คงไม่ได้ใช้ชีวิตอยู่อย่างเป็นสุขแน่นอน เพราะคงถูกพ่อแม่ และญาติของเด็กๆ สาปแช่งทุกวัน

ขอขอบคุณข้อมูล และเครดิตภาพจาก pakyok.

แสดงความคิดเห็น