ทำยังไงดี… แม่ของฉันอายุ 50 ปี มีกิ๊กอายุ 26 ปี โดนกิ๊กไล่และขอกลับมาอยู่ด้วย… ชีวิตจริงยิ่งกว่านิยาย!!!

โพสโดย : admin | วันที่ : 21 July 2016
หมวดหมู่ : สร้างแรงบันดาลใจ, เรื่องน่าอ่าน

ทำยังไงดี… แม่ของฉันอายุ 50 ปี มีกิ๊กอายุ 26 ปี โดนกิ๊กไล่และขอกลับมาอยู่ด้วย… ชีวิตจริงยิ่งกว่านิยาย!!!

แม่มีกิ๊ก

(ภาพประกอบ)

เรื่องนี้เป็นเรื่องจริงของสมาชิกท่านหนึ่ง เธอเล่าว่า

“ความจริงที่ฉันตามมามาตลอด 8 ปี

ทำไมเงินไม่พอใช้ ทั้งที่ฉัน และพ่อเลี้ยง ให้ใช้สม่ำเสมอ

ทำไมแม่ถึงบอกกลับบ้าน ตจว แทบทุกเดือน บอกว่าไปดูแลยาย

ทำไมแม่ถึง อยากกลับไปอยู่บ้าน ตจว

ทำไม แม่ถึงคุยไลน์ตลอดแทบ 24  ชม

ทำไมแม่ถึง เอารถเข้าไฟแนนซ์ หลายรอบทั้งที่ไม่มีความจำเป็นอะไรในครอบครัวที่ต้องใช้เงินก้อน

ทำไม่แม่ถึง หลอกยืมเงินทุกคน รอบข้าง และ เป็นหนี้มากมาย

ทำไม ทำไม ทำไม???”

ฉันไม่สามารถถ่ายทอดออกมาเป็นตัวอักษรได้หมด ฉันไม่รู้ว่าทำไมคนเป็นแม่ เค้าถึงทำแบบนี้กับ ครอบครัวได้ ฉันพยายามบอกให้แม่ไปอยู่กับคนนั้น เพราะไม่ต้องการให้มัน มาหาแม่ที่บ้าน ไม่ต้องการเป็นขี้ปากชาวบ้าน พ่อเลี้ยงทนไม่ได้ ตอนนี้กลับไปอยู่บ้านที่ ตจว แล้ว อยู่กันมา 20 ปี ชีวิตพังเพราะแม่มีกิ๊ก

ส่วนฉันเหมือนคนหัวใจแตกสลาย เพราะ สร้างบ้านให้แม่อยู่ แต่มันใกล้กันบ้านกิ๊กแม่ แค่ 25 กม ฉันไม่เคยรู้มาก่อนเลย ทำให้เค้าไปมาหาสู่กันง่ายขึ้น

วันนี้ กิ๊ก แม่ ส่งไลน์มาหาฉัน เพื่อให้ยอมรับมัน และมันจะยอมทำทุกอย่างเพื่อให้ฉันยอมรับมัน ฉันบอกตรงๆ ฉัน ยอมรับไม่ได้ ไม่มีวันยอมรับได้ หัวใจฉันแตกสลายจากการกระทำของเค้าทั้งสองคน ฉันบอกแม่ ถ้ารักกัน ก็ให้ไปอยู่ด้วยกัน ฉันก็จะโอนเงินให้ใช้เพื่อเป็นการตอบแทนน้ำนมแม่เหมือนเดิม แต่แม่ก็ไม่ไปสักที มันเลยทำให้ฉันรังเกียจแม่ตัวเองมากขึ้นทุกวัน เพราะแม่จะออกไปตอนกลางคืน และกลับมาเช้าเพื่อขายของชำที่ฉันเปิดให้ แล้วก็เอาเงินไปด้วยในตอนกลางคืน

โลกของฉันมันพังทลายแบบไม่มีชิ้นดี เพราะคนที่ได้ชื่อว่า แม่ ???

เมื่อเดือน ธันวาคม 2558 แม่ได้หนีออกไปจากบ้าน โดยไม่มีการบอกลา หรือบอกว่าจะไปไหน กลับมาเก็บเสื้อผ้าแล้วก็เดินออกจากบ้านไป ทิ้งทุกอย่างไปอยู่กับผู้ชายคนนั้นคะ ( อายุ 26 )

แม่ได้ทิ้งหนี้สินคือ ค่าผ่อนตู้แช่อีก เดือนละ 1900 บาท เราก็รับภาระผ่อนต่อเพราะเสียดาย ผ่อนมาจนถึงปัจจุบัน

หนี้สินกู้รายวันอีกไม่ทราบจำนวนที่วนเวียนมาถามหา แม่ ทุกวัน หนึ้สิน ญาติ พี่ น้อง และ เพื่อน แม่ อีก ไม่ทราบจำนวน (ทุกคนมาทวงถามที่เรา แต่เราปฏิเสธที่จะรับชำระ )

เราได้ย้ายลูกมาเรียนอีกจังหวัดหนึ่งเพราะกลัวจะโดนทำร้าย และไม่สามารถอยู่กันลำพัง 2 แม่ลูกได้ เพราะไม่ชอบบรรยากาศ และเป็นห่วงเรื่องความปลอดภัยของเราและลูก อีกทั้งกิ๊กของแม่ดูน่ากลัว และเรากลัวแม่และกิ๊ก จะทำร้ายเราเพื่อมาอาศัยในบ้านที่เราเป็นคนสร้างขึ้นมา

ปัจจุบันเราได้ปิดบ้านไว้ ซึ่งเราเสียใจมาก เพราะสร้างด้วยเงินสดเป็นเงิน 1 ล้าน 5 แสนบาท และ เป็นชื่อเรา แต่ไม่สามารถอาศัยอยู่ได้ เพราะความกลัว

ตั้งแต่เดือน ธันวาคม 2558 จนถึงปัจจุบัน ไม่ได้มีการติดต่อกับแม่ แต่ได้มีการแอบส่องเฟสบุค ของแม่ด้วยความเป็นห่วง ก็เห็นแม่มีความสุขดี โพสสวัสดีเพื่อนในเฟสบุคทุกวัน

วันนี้ พี่สาวแม่ได้โทรมาปรึกษากับเราว่า และได้ขอโทษเรา ที่เข้าใจเราผิดมาตลอดว่า ไล่แม่ออกจากบ้าน

(เราไม่เคยพูดกับใครเรื่องแม่หนีออกไปจากบ้าน นอกจาก ยาย และ ตา) แต่คนอื่นเข้าใจเราผิดมาตลอด

ป้าบอกว่า แม่ยอมรับความจริงว่า ได้เอาเงินที่เราให้ทั้งหมด ไปสร้างบ้านอีกหลังให้ กิ๊ก เอาทองไปจำนำ เอา มอเตอร์ไซด์ ไปขาย เพื่อเอาเงินไปให้มันใช้

อยากกลับบ้านมาอยู่กับลูกกับหลาน เพราะผู้ชายไล่ออกจากบ้าน ไม่มีเงินให้มัน ทำเหมือนแม่เป็นหมา ด่าว่า อีเฒ่า อีแก่ สารพัดความหยาบคาย

ป้าอยากให้เราไปรับแม่กลับบ้าน แต่เราทำใจไม่ได้ และ ไม่ต้องการให้แม่กลับมาบ้าน เพราะเรากลัว กลัวว่าเค้าไม่ได้เลิกกันจริง ต้องการแค่มาหลอกเอาเงินเรา เราจึงได้ปฏิเสธป้าว่า ตอนนี้เรายังรับไม่ได้ ขอให้ป้าเอาแม่ไปอยู่ด้วยก่อน เราไม่มั่นใจว่าแม่จะไม่คืนดีกับมัน เพราะแม่เคยพูดว่า รักกันมา 8 ปี จะมาพรากมันไปจากแม่ได้ยังไง

ตั้งแต่ ธันวาคม 2558 เราไม่ได้ให้เงินแม่ใช้จนถึงปัจจุบัน เรารู้มาว่า แม่ไปทำงานก่อสร้างเพื่อเอาเงินไปเลี้ยงมันและครอบครัวมัน แม่กินเหล้าขาวทุกวัน แม่ลำบากเพราะไม่มีเงิน แต่เราก็ใจแข็งไม่ส่งเงินให้ เพราะ หมอที่เราปรีกษา (หมอจิตเวช , เราสู้คนเดียวไม่ไหวจนถึงต้องไปหาหมอ ) บอกให้เราไม่ต้องส่งเงินให้แม่ ปล่อยให้ “ธรรมชาติ สอน ความเป็นมนุษย์” เอง ถ้าเค้ารักกันจริง เค้าก็จะอยู่ด้วยกันจนแก่เฒ่า ถ้าเค้ารักแค่เงิน สักวัน เค้าก็จะไล่แม่ออกมาเอง แล้วก็เป็นจริงเหมือนที่หมอบอก มันไล่แม่เพราะแม่ไม่มีเงินให้มัน

ทุกท่านที่ได้อ่าน เห็นว่า เราทำเกินไปไหมคะ ที่ยังไม่สามารถให้แม่กลับมาอยู่บ้านได้ตอนนี้

เพราะกว่าเราจะผ่านเหตุการณ์วันที่ผ่านมาได้ บอบช้ำมามาก ไม่มี แม่ในวันปีใหม่เหมือนทุกปี ไม่มีแม่ในวันสงกานต์ ให้รดน้ำดำหัว ที่ไม่มีเพราะแม่หนีไปกับผู้ชาย ไม่ใช่เพราะแม่ตาย

เราต้องไป รพ. จิตเวช เพื่อรักษา อาการเครียด นอนไม่กลับ คิดวน ร้องไห้ได้ตลอดเวลา กินไม่ได้ สภาพจิตใจเหมือนตายทั้งเป็น

ปัจจุบันเราหายจากอาการเหล่านั้นแล้ว เข้มแข็งมากขึ้น พอย้ายลูกมาเรียนอีกจังหวัดที่ไกลบ้าน และได้ทำงาน ไม่มีเรื่องใดๆ ให้คิดมาก เงินมีเก็บมากขึ้น จิตใจดีขึ้น ยิ้ม หัวเราะ ได้ เวลาได้ยินเรื่องแม่ จะไม่ร้องไห้เหมือนที่ผ่านมา แต่จะคิดว่า ใครทำอะไรไว้ก็จะได้รับกรรมแบบนั้น

ขอขอบคุณข้อมูลจาก คุณชามะนาว เปรี้ยวหวาน สมาชิก pantip

แสดงความคิดเห็น