สู่อ้อมอกแม่… ลูกชายวัย 14 ระหกระเหินใน “อียิปต์ลำพัง” หลังโดนทิ้งไว้กับแม่เลี้ยง!!!
วานนี้ ที่ท่าอากาศยานนานาชาติสุวรรณภูมิ นายธาตรี เชาวชตา ผู้อำนวยการกองคุ้มครองและดูแลผลประโยชน์คนไทยในต่างประเทศ กรมการกงสุล กระทรวงการต่างประเทศ (กต.) นำนางหลิว บิลาล อายุ 45 ปี ชาวต.ทุ่งใหญ่ อ.ทุ่งฝน จ.อุดรธานี มารอรับ ด.ช.ธนากร หรือน้องแซม บิลาล อายุ 14 ปี ลูกชายของนางหลิว ที่เดินทางมาจากกรุงไคโร ประเทศอียิปต์ หลังไปอยู่กับครอบครัวของบิดาสัญชาติอียิปต์ตั้งแต่ปี 2551 แต่ถูกทำร้ายร่างกายจึงหนีออกจากบ้านมาเร่ร่อน ต่อมา ด.ช.ธนากร ติดต่อสถานเอกอัครราชทูตไทย ณ กรุงไคโร ให้ตามหานางหลิวและช่วยพากลับประเทศไทย
นายธาตรีกล่าวว่า จากข้อมูลที่ทราบมาคือนายอับเดลราฟี ฟาธี อับดุลลา บิลาล สัญชาติอียิปต์ บิดาของ ด.ช.ธนากร พาไปอยู่กับภรรยาเก่าสัญชาติอียิปต์ ส่วนนายอับเดลราฟี กลับมาประเทศไทยและไปอยู่กับภรรยาใหม่ที่เมืองพัทยา จ.ชลบุรี หลังจาก ด.ช.ธนากร ไปอยู่อียิปต์ไม่ถึงปีถูกทำร้ายร่างกาย จนต้องหนีออกจากบ้านไปเร่ร่อนและหางานทำเลี้ยงชีพ ก่อนเข้าขอความช่วยเหลือสถานเอกอัครราชทูตไทย ณ กรุงไคโร
ด.ช.ธนากรต้องได้รับการเยียวยาสภาพจิตใจ การศึกษา และสภาพความเป็นอยู่โดยด่วน เพราะเด็กไปตั้งแต่ตอน อายุ 7 ปี อาจจะต้องมีการปรับตัวทั้งเรื่องภาษาและการดำเนินชีวิต
ด้านนางหลิว ผู้เป็นแม่เล่าว่า ตนกับนายอับเดลราฟี จดทะเบียนสมรสกัน ก่อนเลิกรากันตั้งแต่น้องแซม อายุประมาณ 8 เดือน เนื่องจากนายอับเดลราฟี ไปมีภรรยาใหม่อยู่ที่พัทยา กระทั่งลูกชายมีอายุ 1 ขวบ จึงแต่งงานใหม่กับนายรุ่งวิไล พิลาแดง อายุ 48 ปี และร่วมกันเลี้ยงน้องแซม มาจนถึงอายุ 7 ปี นายอับเดลราฟี ต้องการให้ส่งลูกไปเรียนที่อียิปต์ ตนมีฐานะยากจนไม่มีปัญญาจะส่งลูกเรียนสูงๆ จึงยอมให้ไปเพราะห่วงอนาคตลูก แต่ไม่ทราบว่าอดีตสามีจะนำลูกไปไว้กับภรรยาเก่า
“กระทั่งเมื่อ 3 เดือนก่อนได้รับแจ้งจากกรมการกงสุลว่า ลูกติดต่อมาให้ตามหาแม่จึงเดินทางมาที่กรมการกงสุล จนทำเรื่องส่งตัวลูกกลับมาประเทศไทยได้ ดีใจมากที่จะได้เจอลูก ตอนมารับลูกก็ตื่นเต้นจนนอนไม่หลับ เหมือนฝันที่ได้ลูกกลับมา” นางหลิวกล่าว
ทันทีที่ด.ช.ธนากรได้พบกับมารดาและนายรุ่งวิไลพ่อเลี้ยง ทั้งสามคนโผเข้ากอดกันด้วยความดีใจและหลั่งน้ำตาด้วยความตื้นตันใจ
ขอขอบคุณข้อมูล และเครดิตภาพจาก ข่าวสด
แสดงความคิดเห็น