เปิดตัวแล้วจ้าาาา “Iphone 7” จากนครซานฟรานซิสโก “พร้อมราคา”!!!
เปิดตัวกันไปเมื่อคืนก่อนหมาดๆ เลย สำหรับ “Iphone 7” ที่นครซานฟรานซิสโก สหรัฐอเมริกา เแอปเปิล ประกาศว่า แอพพ์สโตร์มีผู้คนดาวน์โหลดไปแล้วราว 140,000 ล้านดาวน์โหลด หรือเติบโตขึ้น 106% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว
นอกจากนี้ นินเทนโด เตรียมเปิดตัว เกมมาริโอ ในแอพพ์สโตร์ เป็นมาริโอ บนระบบไอโอเอส ใช้ชื่อว่า ซุปเปอร์มาริโอรัน ที่ให้ผู้เล่นสามารถเล่นได้ด้วยมือเพียงข้างเดียว ซึ่งจะเปิดให้เล่นกันบนเครื่องไอโฟนช่วงปลายปีนี้ด้วย และยังมีสติ๊กเกอร์ มาริโอ มาให้ใน imessage ด้วย
ทิม คุก ซีอีโอ ของแอปเปิล เล่าว่า “แอปเปิล วอทช์” เป็นนาฬิกาที่ขายดีเป็นอันดับ 2 ของโลก รองจาก “โรเล็กซ์” แม้จะเพิ่งเปิดตัวไปเมื่อปีที่แล้ว โดยแอปเปิล ยังประกาศปรับปรุง ระบบปฏิบัติการวอทช์ โอเอส 3 รวมทั้งการใช้แอพพลิเคชั่นที่รวดเร็วขึ้น และยังมาพร้อมกับเกม โปเกมอน โกด้วยจ้า
มากันที่พระเอกของงาน “ไอโฟน 7” ที่สาวกไอโฟนทุกคนรอคอย เป็นไอโฟนที่ทิม คุก บอกว่า “ที่ดีที่สุดเท่าที่แอปเปิลเคยทำมา” ตัวเครื่องอลูมิเนียม ตัดขอบของเลนส์ออกให้ดูเนียนเรียบขึ้น ออกแบบให้กระจกและตัวเครื่องเป็นเนื้อเดียวกัน มีความเงาสะท้อน เรียกว่า “เจ็ท แบล็ก” และสีดำที่ออกมาใหม่นี้ เรียกว่าสี “แบล็ก”
ไอโฟน 7 กันน้ำและฝุ่นได้ ตามมาตรฐาน IP67 ทำตกน้ำได้ลึก 1.5 เมตร กล้องเป็นเลนส์เดียว แต่ขนาดใหญ่ F1.8 เลนส์ 6 ชิ้น เซ็นเซอร์เร็วขึ้น มีแฟลชที่เป็นทูโทนแฟลช และใช้ชิปรุ่นใหม่ สามารถถ่ายภาพได้ละเอียดสูงสุด 12 ล้านพิกเซล
สำหรับรุ่น ไอโฟน7 พลัส ด้านหลังเป็นกล้องคู่ 12 ล้านพิกเซลทั้งสองเลนส์ ภาพจึงคมชัดและมีมิติมากขึ้น จอแสดงผล เป็น Ratina HD Display และลำโพงสเตอริโอ
ราคาเริ่มต้นที่ 649 ดอลลาร์สหรัฐ (ราว 22,400 บาท) ส่วน iPhone 7 Plus มีราคาเริ่มต้นที่ 769 ดอลลาร์ (ราว 26,600 บาท) ” ความจุเริ่มต้น 32GB และตามด้วย 64GB และ 128GB เช่นกัน
เจ๋งกว่านั้น แอปเปิลถอดช่องแจ็ค 3.5 มม. ออกไป แต่ใส่ตัวอแดปเตอร์สำหรับเชื่อมต่อจากช่องไลท์นิ่ง กับอุปกรณ์หูฟังที่เป็น 3.5 มม.
ซึ่งหูฟังนี้คือ “แอร์พอด” หูฟังไร้สาย ที่ได้รับการพัฒนาบนชิป W1 สามารถเรียก สิริ ผ่านหูฟังนี้ได้เพียงแต่เคาะที่หูฟัง สามารถเชื่อมต่อกับอุปกรณ์ไอโอเอสได้ในทันทีด้วย
ชมคลิปบนเวทีเปิดตัวสดๆ ได้ที่นี่
สาวกแอปเปิลกรี๊ดแตกกันแน่ล่ะงานนี้!!!
ขอขอบคุณข้อมูล และภาพจาก มติชนออนไลน์และ Apple ขอขอบคุณคลิปวิดีโอจาก The Technoclast
แสดงความคิดเห็น