อนาคตลูกแปดเปื้อน พ่อชาวอุดรฯข่มขืนลูกสาวแท้ๆ วัยแค่ 6 ขวบ นานเป็นเดือน!!!

โพสโดย : admin | วันที่ : 23 July 2015
หมวดหมู่ : เรื่องน่าอ่าน

อนาคตลูกแปดเปื้อน พ่อชาวอุดรฯข่มขืนลูกสาวแท้ๆ วัยแค่ 6 ขวบ นานเป็นเดือน!!!

000

เกิดเหตุสุเศร้าสลดอีกแล้ว เมื่อแม่ต้องย่องมาแจ้งความที่โรงพัก เหตุเพราะพ่อแท้ ๆ ขืนใจลูกตัวเอง มิหนำซ้ำลูกสาวยังมีอายุเพียง 6 ปีเท่านั้น ก่อนสำเร็จความใคร่ ต้องให้ลูกคลิปโป๊ก่อน

แม่ย่องช่วยพาแจ้งตำรวจ แพทย์เผย ถูกล่วงละเมิดจนอวัยวะเพศ บวม-ฉีกขาด ตัวพ่อยังกล้าแถว่าถูกใส่ร้าย แฉพฤติการณ์ เปิดคลิปสยิวให้ดูก่อนชำเรา

พ.ต.อ.ภูมิวิทย์ เวชกามา ผกก.สภ.เมืองอุดรธานี จับกุมตัว นายโด้ (นามสมมุติ) อายุ 41 ปี ชาว จ.อุดรธานี พร้อมของกลางโทรศัพท์มือถือ 1 เครื่อง ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลจังหวัดอุดรธานี ที่ จ. 207/2558  ข้อหาข่มขืนกระทำชำเรา ลูกสาวแท้ๆ ของตัวเอง โดยจับกุมได้ที่กระท่อมนาท้ายหมู่บ้านแห่งหนึ่งใน อ.เมืองอุดรธานี

สืบเนื่องจากเมื่อวันที่ 9 ก.ค. เวลา 12.45 น. พ.ต.ท.วัฒนา มายุรส พนักงานสอบสวน สภ.ย่อยโนนสูง อ.เมืองอุดรธานี รับแจ้งจาก นางน้อย (นามสมมติ) อายุ 43 ปี ว่า ด.ญ.อุ๋ย (นามสมมติ) อายุ 6 ขวบ ลูกสาว ถูกนายโด้ พ่อบังเกิดเกล้า ข่มขืนกระทำชำเรา ตั้งแต่ช่วงวันที่ 4 มิ.ย.จนถึง วันที่ 4 ก.ค.ที่ผ่านมา หลังตนมีปากเสียงทะเลาะกับสามี จนต้องพาลูกหนีออกจากบ้าน เพราะนายโด้ชอบเมาและทำร้ายร่างกาย

กระทั่ง นายโด้ แอบมารับ ด.ญ.อุ๋ย หน้าโรงเรียนแล้วพากลับไปอยู่ที่กระท่อม พอตนรู้เรื่องก็รีบตามหาจนไปเจอลูก ทำให้รู้ความจริงที่บัดซบทั้งหมด จึงแจ้งตำรวจช่วยเหลือ ต่อมาตำรวจได้นำ ด.ญ.อุ๋ย ไปตรวจหาร่องรอยการข่มขืนที่โรงพยาบาล แพทย์ระบุว่าพบร่องรอยการถูกล่วงละเมิดทางเพศ

เนื่องจากอวัยวะเพศบวมแดง และฉีกขาด จึงรวบรวมพยานหลักฐานไปขออนุมัติศาลออกหมายจับดังกล่าว ทั้งนี้สำหรับพฤติการณ์ทราบว่า ผู้เป็นพ่อจะเปิดคลิปลามกอนาจาร เพื่อปลุกอารมณ์ ก่อนจะลงมือข่มขืน ด้าน นายโด้ ให้การปฏิเสธตลอดข้อกล่าวหา อ้างว่า ถูกภรรยาและลูกสาวใส่ร้าย เพราะต้องการจะไปมีสามีใหม่ แต่เมื่อตำรวจเปิดดูโทรศัพท์มือถือของผู้ต้องหา ก็พบคลิปโป๊เปลือยจำนวนมาก ตรงกับคำให้การของผู้เสียหาย จึงคุมตัวดำเนินคดี

ถ้าแบบนี้ไม่เรียกว่าเป็นคนเลว ก็ไม่รู้ว่าจะเรียกว่าอะไรแล้ว คนสมัยนี้รู้หน้าไม่รู้ใจนะคะ ขนาดลูกตัวเองยังข่มขืนกระทำชำเราได้ลงคอ อภิมหาบิดาสุดเลวจริง ๆ

ขอขอบคุณข้อมูลจาก เดลินิวส์ออนไลน์

แสดงความคิดเห็น