“นางกิ่งแก้ว ลอสูงเนิน” นักโทษประหารหญิง ถูกยิงแต่ไม่ยอมตาย!!!

โพสโดย : admin | วันที่ : 11 July 2016
หมวดหมู่ : ย้อนรอยคดีสะเทือนขวัญ, เรื่องน่าอ่าน

“นางกิ่งแก้ว ลอสูงเนิน” นักโทษประหารหญิง ถูกยิงแต่ไม่ยอมตาย!!!

hqdefault

นางกิ่งแก้ว ลอสูงเนิน เธอเป็นนักโทษประหารชีวิตด้วยการยิงเป้าคนที่ 2 ในประวัติศาสตร์ของไทย ซึ่งที่ผ่านมามีนักโทษประหารหญิงเพียงไม่กี่คน

เรื่องราวของนางกิ่งแก้ว ลอสูงเนิน เชื่อกันว่า มาจากหนังสือที่เชาวเรศน์ จารุบุณย์ เพชฌฆาตคนสุดท้ายที่ลั่นกระสุนปืนประหารชีวิตนักโทษหลายราย ก่อนที่การประหารชีวิตไทยจะเปลี่ยนเป็นฉีดยาพิษเข้าเส้นเลือดแทน ซึ่งหนังสือดังกล่าวถูกตีพิมพ์เป็นภาษาอังกฤษ ทำให้คนต่างชาติรู้เรื่องการประหารชีวิตยิงเป้าของคนไทยมากกว่าคนไทยรู้เองซะอีก

นางกิ่งแก้ว ลอสูงเนินเป็น พี่เลี้ยงเด็กชาวโคราชเข้ามาหางานทำที่กรุงเทพ ครอบครัวที่ไว้ใจได้ชวนเธอมาเลี้ยงเด็กชายอายุ 6 ขวบ ในวันที่เกิดเหตุนั้นเธอได้ไปรับเด็กชายที่โรงเรียน ซึ่งคุณครูก็ไม่ได้รู้สึกผิดแปลกอะไร เพราะเป็ตกิจวัตรประจำวันของเธอ แต่วันนี้นางกิ่งแก้วได้ร่วมมือกับพวกโจร (2 คน) จับเด็กชายไปเรียกเงินค่าไถ่จากพ่อแม่เด็ก

แผนการคือ พ่อแม่เด็กจะต้องโยนเงินออกจากรถไฟที่กำลังแล่นให้ใกล้กับธงที่ผู้ร้ายกำหนด ปัญหาคือเวลาส่งมอบเงินเป็นช่วงกลางคืน ผู้ปกครองเด็กมองไม่เห็นธง และส่งเงินผิดพลาดไม่ตรงจุดที่กำหนด ทำให้การเลือกเปลี่ยนเงินค่าไถ่ล้มเหลว พวกโจรโกรธแค้นและแทงเด็กตายเพื่อปิดปาก แม้ว่านางกิ่งแก้วพยายามห้ามพวกโจรไม่ทำร้ายเด็ก แต่สุดท้ายเธอกลับกลายเป็นคนที่แทงเด็กตายและนำศพไปฝัง ก่อนที่จะแยกย้ายกันหลบหนี (จากการชันสูตรศพต่อมาพบว่ามีเศษดินในปอดแสดงให้เห็นว่าเด็กยังมีชีวิตอยู่ หลังฝังศพของเขาบนดินแล้ว)

ด้วยการกระทำของเธอในการฆาตกรรมเด็กชาย หลังจากโดนจับได้นางกิ่งแก้ว ลอสูงเนินถูก ตัดสินประหารชีวิตด้วยการยิงเป้า โดยการยิงเป้าของไทยนั้น นักโทษถูกผ้าปิดตาและผูกติดกับเสาหลักรูปไม้กางเขนฟันหน้าเข้ากับกำแพง ไม่ว่าจะเป็นเอว หน้าอก ข้อศอกทั้งสองข้างต้องติดกับไม้กางเขนทั้งสองด้าน และที่ข้อมือมีลักษณะพนมมือโอบรอบเสา ซึ่งต้องมัดให้แน่นจนนักโทษขยับตัวไม่ได้ และจากนั้นก็ตั้งปืนไรเฟิลอัตโนมัติชี้ไปยังหัวใจบริเวณแผ่นหลังของนักโทษประหาร (จะมีเครื่องหมายบริเวณหัวใจนักโทษเอาไว้) เมื่อถึงเวลาประหารเพชฌฆาตที่อยู่ด้านหลังนักโทษจะทำการยิงกระสุนเข้าไปสิบห้านัดเข้าไปบริเวณที่ทำเครื่องหมาย เพื่อให้นักโทษประหารตายทันทีไม่ให้ทรมาน

เมื่อวันที่ 13 มกราคม 1976 เป็นวันที่นางกิ่งแก้วต้องถูกประหาร ก่อนหน้านี้เธอพยายามฆ่าตัวตายหลายครั้งแต่ไม่สำเร็จ ทั้งยังมีอาการยังหน้ามืดจะเป็นลม มีอาการทางจิตประสาท ต้องมีผู้คุมพี่เลี้ยงคอยดูอาการและคอยให้ยาดม ในระหว่างรอประหารเธอก็ยังคงยืนยันความบริสุทธิ์ของเธอในคดีฆาตกรรมเด็กชายว่า

“ฉันไม่ได้ทำ ฉันไม่ได้เป็นคนฆ่าเด็ก” 

“ได้โปรดอย่าฆ่าฉัน ฉันไม่ได้ฆ่าเขา” เธอพูดซ้ำๆ ตลอดเวลา แต่ก็หมดหวังเพราะท้ายที่สุดเธอก็ถูกส่งไปยังเวทีประหาร เมื่อถึงเวลาเพชฌฆาตก็เตรียมลูกปืนพร้อมเล็งที่หัวใจ ด้วยกระสุนกว่าสิบนัดถูกยิงออกมาเข้าไปจุดที่เชื่อว่าตัดขั้วหัวใจของนางกิ่งแก้ว

112007477

(ภาพประกอบ)

หลังจากยิงปืนเสร็จสิ้น แพทย์ได้เดินเข้ามาตรวจหาชีพจรนักโทษหญิงกิ่งแล้ว ก็พบว่าเธอเสียชีวิตแล้ว จุดที่ถูกยิงมีเลือดออกมาปริมาณมาก พวกเขาจัดการแก้เชือกที่พันร่างของเธอและวางคว่ำหน้าของเธอลงบนพื้น ซึ่งตอนนั้นเธอก็ชักและกระตุกเล็กน้อย หน้าอกของเธอปริออกเพราะแรงกระสุน ร่างของเธอถูกย้ายไปที่ห้องเก็บศพและวางอยู่บนเตียง ขณะที่เจ้าหน้าที่คนอื่นเตรียมประหารคนต่อไปที่รอคิวอยู่

สิ่งที่ไม่คาดฝันเกิดขึ้น นางกิ่งแก้วยังไม่ตาย เธอเริ่มส่งเสียง (ดูเหมือนจะพูดว่า”ฉันไม่ผิดๆๆๆๆๆๆๆ”) และ พยายามลุกขึ้นนั่ง พี่เลี้ยงต้องวิ่งเข้าไปห้องเด็บศพ และพวกเขาพยายามกลิ้งเธอหลายครั้งและกดบนหลังของเธอเพื่อให้เลือดออกเร็วขึ้นให้เธอตาย (บางคนพยายามบีบคอ) แต่เธอก็ยังอ้าปากหายใจ ไม่เสียชีวิตและยังมีชิวิตอยู่ แม้เลือดจะออกมามากมายก็ตาม ผลสุดท้ายเธอก็ถูกยกกลับไปเวทีประหารและประหารชีวิตใหม่ด้วยการยิงกระสุนอีก 15 นัดอีกครั้ง เธอจึงเสียชีวิต พร้อมกับพูดสุดท้ายว่า “ฉันไม่ผิด”

ในตอนนั้นไม่มีใครทราบแน่ชัดว่า เหตุใดถึงเป็นเช่นนั้น บางทีอาจเป็นเพราะผูกติดกับเสาหลักไม่แน่นพอ ทำให้เธอดิ้นจนกระสุนเลยจุดตาย และหัวใจของเธอนั้นอยู่ด้านขวาไม่ใช่ด้านซ้ายเป็นเหตุทำให้การประหาร ผิดพลาดดังกล่าว

เรื่องเล่าหนึ่งจากพัสดี

พัสดีหลายคนเล่าว่า นางกิ่งแก้วรักเด็กคนนี้มาก รักเหมือนลูกของตน และเมื่อวันที่เด็กถูกสังหาร เป็นวันที่นางกิ่งแก้วไม่อยู่ โจรผู้ชายจึงลงมือสังหารเด็กเสีย ฝ่ายนางกิ่งแก้วกลับมาและไม่พบเด็ก ก็รู้ได้ทันทีว่าอาจเกิดอันตรายกับเด็กคนนั้น นางจึงออกตามหาเด็กคน และมาพบรอยดินที่เหมือนพึ่งฝังเสร็จใหม่ นางกิ่งแก้วจึงลงมือขุดจนพบร่างเด็ก แต่ไม่ทันการเสียแล้ว เด็กหมดลมหายใจไปเสียก่อน นางกอดศพและร้องไห้อยู่พักใหญ่ เป็นเวลาเดียวกับที่ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจนำกำลังบุกจับพอดี นางกิ่งแก้วจึงตกเป็นผู้ต้องหาในคดีฆ่าคนตาย นี่คือคำสารภาพที่นางกิ่งแก้ว พูดกับพัสดีภายในเรือนจำ

ทุกวันนี้ก็ยังมีคนพบเจอวิญญาณของนางกิ่งแก้วอยู่ แม้เวลาจะผ่านมาหลายสิบปีแล้วก็ตาม

โปรใช้วิจารณญาณในการรับชม

ขอขอบคุณข้อมูลจาก pantip คุณสมาชิกหมายเลข 987552

แสดงความคิดเห็น